เตรียมอุปกรณ์ เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมความพร้อม เปิดเทอมวันแรก ! ลูกงอแง ไม่อยากไปโรงเรียน? มีวิธีแก้ .. :)
“สวัสดี” ผู้ที่กำลังอ่านบทความนี้อยุู่ ทุกท่านนะคะ 😀
ขอออกตัวก่อนเลยว่า บทความนี้อาจเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ หรือเนื้อหาทางวิชาการใดๆ โดยตรง
แต่ผู้เขียนอยากนำเสนอ ในฐานะที่เคยเป็น คุณครู ระดับปฐมวัยมายาวนานพอสมควร (ประมาณ 17 ปี ค่ะ) และต้องการนำเสนอ ในรูปแบบของการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ ที่พบเจอมาจริงๆ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง ที่มีลูกหลาน ในวัยเริ่มเข้าเรียน ไม่มากก็น้อย
(ดังนั้น หากอ่านบทความแล้ว รู้สึกต่างจากบทความเชิงวิชาการก่อนๆ ก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ด้วยค่ะ ถือว่า เล่าสู่กันฟัง สบายๆ กันนะคะ) ^^
เมื่อเริ่มเข้าช่วงเดือนพฤษภาคม ของทุกปีแบบนี้ อากาศก็จะแปรปรวนร้อนสลับหนาว (อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ) โรงเรียนต่างๆ ก็ทยอยเปิดเทอมกันแล้ว คุณแม่ที่มีลูกน้อย ที่เพิ่ง “เข้าโรงเรียนวันแรก” ก็คงหนักใจไม่น้อยทีเดียวใช่ไหมคะ?
เพราะเด็กที่เพิ่งเริ่มเข้าโรงเรียนใหม่ ก็จะต้องทำการปรับตัวปรับใจ เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ หรือสังคมที่แตกต่างจากเดิม ที่เด็กๆ ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน รวมถึงตัวคุณพ่อคุณแม่เอง ก็ต้องปรับตัวตามด้วยเช่นกัน เพื่อที่จะให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ ได้สะสมประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยตัวของเขาเอง
แต่ในขณะเดียวกัน คุณแม่บ้านหลายๆ ท่าน ก็อาจมีช่วงเวลาว่างที่เพิ่มมากขึ้นจากเดิม เพราะได้ลดภาระและเวลาในการต้องดูแลอบรมลูกๆ ลงไปได้บ้างไม่มากก็น้อย
ดังนั้น วันนี้จึงอยากจะมาพูดคุย เล่าเรื่องราว “การปรับตัวของลูก” เมื่อต้องเข้าโรงเรียนครั้งแรก ซึ่งเปรียบเทียบได้กับ เรื่อง “การปลูกต้นคุณนายตื่นสาย” ที่มีหลักการ และเคล็ดลับ ในการจัดการ การดูแล ที่ไม่แตกต่างกันเลยค่ะ
บางท่านอ่านถึงตรงนี้แล้ว ก็คงงงว่า เอ.. เกี่ยวกันยังไง? จริงๆจะบอกว่าหลักการคล้ายกันมากเลยค่ะ
ขอเริ่มต้นจากการเล่าถึงประสบการณ์กับ ลูกค้า ที่มาซื้อต้นไม้กับทางร้าน ดงดอกไม้ ว่ามีหลายๆ ท่าน ที่มักจะบ่นให้ฟังก่อนซื้อกิ่งคุณนายตื่นสายไปปลูกว่า “กลัวมันตาย” หรือ “กลัวมันไม่รอด” ทำไงดี?
การปลูกต้นไม้หรือคุณนายตื่นสาย ก็ต้องใช้ความเอาใจใส่ สังเกต และการดูแล ที่ไม่แตกต่างจากเด็กๆ เล็กๆ หากแต่ว่า มากเกิน หรือ น้อยเกิน ก็อาจจะทำให้ต้นไม้ตายได้
คุณพ่อคุณแม่หลายท่าน เมื่อลูกถึงวัยเข้าโรงเรียน ก็จะหนักใจเป็นอย่างมาก เพราะในวันแรกๆ เด็กๆ จะร้องไห้ หรือไม่อยากไปโรงเรียนเลย
แต่ในบางรายเด็กๆ อาจตื่นเต้น แต่ก็เพียงชั่วโมงแรกๆ หรือวันแรกเท่านั้น พอวันต่อๆ มา ก็ร้องไห้ อยู่ดี และไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะหาวิธีแก้ยังไง ก็ดูเหมือนโอกาสที่ลูกจะชอบไปโรงเรียนนั้น ดูมืดมนไร้หนทาง เด็กๆ ก็เครียด คุณพ่อคุณแม่ก็ยิ่งเครียด และก็เครียดขึ้นเรื่อยๆ บางทีถึงขั้นพาลหวาดระแวงทางโรงเรียน หรือ คุณครู ว่ามาทำอะไรลูกเราหรือเปล่า? หรือลูกเราจะเข้ากับโรงเรียน และเด็กๆ ในโรงเรียนนี้ ไม่ได้ !
จริงๆ แล้ว สาเหตุที่เด็กๆ นั้น ร้องไห้ หรือ ไปยอมโรงเรียน มักเกิดจากการที่เด็กๆ รู้สึก “ไม่มั่นคงปลอดภัย” จากการต้องไปพบเจอสถานที่ใหม่ๆ (ที่ไม่ใช่บ้าน) เพื่อนใหม่ๆ (ที่ไม่ใช่คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่.ย่า ตา ยาย หรือคนในครอบครัวที่คุ้นเคย) และการที่เด็กจะต้องทำอะไรตามตารางที่โรงเรียนนั้นกำหนดกฎเกณฑ์เอาไว้ แถมต้องอยู่ใน “พื้นที่อันจำกัด” ที่ต้องมีเด็กคนอื่นๆ ที่พากันร้องไห้กระจองอแง รวมไปถึงเจอแต่คนแปลกหน้าเต็มไปหมด “มันเหนือความเข้าใจ” ของเด็ก และทางออกเดียวของเด็กในช่วงวัยนี้ ก็คือ “ร้องไห้”
ร้องเพราะความกลัวในสิ่งที่ไม่เคยรู้ไม่เคยพบเจอ (เปรียบเทียบก็เหมือนตอนเราไปทำงานที่ใหม่นั่นแหละค่ะ จะมีความรู้สึกยังทำตัวไม่ค่อยจะถูก เพียงแต่เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่นั้น เคยผ่านเคยเจอประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยก็ต้องมากกว่าหนึ่งครั้งแน่นอน เราเลยสามารถ “ชิน” กับมัน และ วุฒิภาวะของผู้ใหญ่ก็มากเกินกว่าจะมาแสดงออกด้วยการ “งอแง”) การปรับตัวของเด็กๆ ส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลาประมาณ หนึ่งสัปดาห์ ถึง หนึ่งเดือน หรืออาจมากกว่านั้น แล้วแต่บุคคลไปค่ะ
ทั้งนี้ หลักๆ แล้ว ก็ขึ้นกับการดูแลของครอบครัว การดูแลของครู และการจัดการสภาพแวดล้อม ให้กับเด็ก นี่แหละค่ะ
..แล้วคุณพ่อคุณแม่ ควรทำอย่างไร ? เมื่อลูกร้องไห้ไม่ไปโรงเรียน ?
สิ่งแรกที่อยากจะแนะนำก็คือ “ใจแข็ง” เข้าไว้ค่ะ เพราะเชื่อว่า พ่อแม่ทุกคนเมื่อเห็นลูกร้องไห้ก็จะ “ใจเสีย” รู้สึกตกใจไปกับลูกด้วย นั่นแหละที่ยิ่งทำให้สถานการณ์ต่างๆ ยิ่งดูเลวร้ายลง
ดังนั้น สิ่งที่ควรทำก็คือ หายใจเข้าลึกๆ และทำใจให้หนักแน่นเข้าไว้ เพราะเวลานี้ ลูกต้องการกำลังใจมากกว่าปกติ พ่อแม่ต้องให้กำลังใจลูก ด้วยการ “ชมเชยลูก” ไปส่งและรับลูกด้วย “รอยยิ้ม” เสมอ ไม่ไปแอบดู แอบส่องลูก (ถึงจะห่วงลูกมากก็เถอะ) พอถึงเวลาก็ไปรับตามปกติตรงเวลา ด้วยท่าทีที่ร่าเริง และเป็นกำลังใจให้ลูก แม้ว่าในใจตนเองจะยังกังวล ก็ไม่ควรแสดงอาการให้ลูกสัมผัสได้
ในช่วงการปรับตัวนี้สำคัญมากๆ ค่ะ ไม่ควรให้เด็กๆ หยุดเรียน ในวันที่ไม่ใช่วันหยุด เพราะเด็กจะใช้วิธีเดิม เพื่อจะได้ไม่ต้องไปโรงเรียน
เด็กๆ อาจจะติดพ่อแม่มากขึ้น เพราะเขารู้สึกไม่มั่นคง เกิดการกลัวถูกทอดทิ้ง สิ่งที่พ่อแม่ต้องทำในช่วงที่เด็กๆ ต้องปรับตัวนี้ ก็คือ
เป็นกำลังใจให้ลูก ชมเชยลูก แสดงถึงความมั่นคงและอบอุ่นแก่ลูกอย่างเต็มที่ เพื่อให้ลูกได้เติบโตในสังคมใหม่ และผลักดันเขา ให้เกิดความเชื่อมั่นว่า ในสังคมใหม่นี้ ยังมีหลายสิ่งที่น่าสนุก ที่รอให้เขาไปสัมผัสเรียนรู้ และแม้เขาจะพลาดในเรื่องใดๆ ก็ตาม พ่อและแม่ก็จะยังพร้อมเสมอที่จะคอยให้กำลังใจ และคอยสนับสนุนเขาในทุกวิถีทาง ในไม่ช้าเด็กๆ ก็จะปรับตัวได้ มีความสุขในการไปโรงเรียน และสนุกสนานที่ได้เจอเพื่อนๆ ของเขา ค่ะ
เช่นเดียวกันกับ การปลูกคุณนายตื่นสาย ที่แรกๆ เมื่อเรามีกิ่งคุณนายตื่นสายแล้ว เราอาจจะยังสงสัยเกิดความวิตกกังวลว่า เอ… เราจะปลูกรอดไหม? เห็นกิ่งแล้วมีทั้งใหญ่และเล็กนิดเดียว แถมดูจะเปราะซะด้วย มิหน่ำซ้ำหากยิ่งเห็นมันผลัดใบร่วงไปด้วยนี่ ยิ่งตกใจ! แล้วเราจะปลูกมันในร่มดี หรือแดดดี? ตากฝน? ก็กลัวเน่า แดดมากไป? ก็กลัวสุก กิ่งก็ดูบอบบาง แล้วดินแบบไหน? ที่มันชอบ ศัตรูพืชมีอะไรบ้าง?
ทำไมดูมันไม่โอเคเลย โอ๊ย จะรอดไหม? คิดไปต่างๆ นานา..
หยุดค่ะ!!!! อย่าได้กังวล
การผลัดใบของกิ่งคุณนาย ก็เหมือนการที่เด็กๆ เข้าโรงเรียน เขาปรับตัวเพื่อการอยู่รอด เนื่องจากกิ่งที่ถูกตัดมาแล้ว ทำให้เขาไม่มีรากเพื่อดูดน้ำ ดังนั้น เพื่อลดการคายน้ำของกิ่ง จำเป็นต้องสลัดใบเพืื่อความอยู่รอด (เด็กๆ เมื่ออยู่กับโรงเรียน ไม่มีพ่อแม่ ก็จะเข้าหาคุณครู ติดคุณครู เป็นสัญชาตญาณเดียวกันกับกิ่งคุณนาย) ในช่วงแรกๆ ของการปักกิ่ง กิ่งจะเหี่ยว และก้มหน้าบ้าง บางกิ่งก็อาจเน่า บางกิ่งก็ชูช่อแทงราก
กิิ่งคุณนายจะปรับตัวตามสภาพอากาศและดิน จนกระทั่งออกดอกงดงามในที่สุด
ผู้ปลูกควรหมั่นสังเกต และคอยดูแลไปตามปกติ ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม ตัวอย่างเช่น การใช้ดิน ต้องเป็นดินที่โปร่ง ระบายน้ำได้ดี ต้องรดน้ำทุกวัน แต่หากวันไหนฝนตก ก็ควรหยุดให้น้ำ และไม่ควรใส่ปุ๋ย เพราะยังอยู่ในช่วงที่ปรับตัว และยังไม่มีราก
(เหมือนการที่ลูกร้องไห้ขออยู่บ้าน ก็อย่าเพิ่งตามใจ ยังไงยังงั้นเลย) เราควรต้องปล่อยให้รากงอกก่อน เมื่อเห็นแตกยอดอ่อนแล้วก็ค่อยให้ปุ๋ย
(ก็เหมือนกับ เมื่อลูกเริ่มอยากไปโรงเรียนแล้ว ไม่งอแงแล้ว พอถึงวันหยุดก็พากันไปเที่ยวกัน เห็นไหมแฮปปี้จะตาย ^^)
เมื่อกิ่งคุณนาย ปรับตัวได้แล้ว เราก็สามารถใส่ปุ๋ย (หลายคนกังวลต่อว่าทำไมมีแต่ใบ อันนี้แสดงว่า ใจร้อน)
เขาจะมีใบก่อน แล้วเมื่อสมบูรณ์เต็มที่ ก็จะมีการแทงช่อดอกที่ยอด ระยะเวลาการปักชำ จนถึงงอกงาม และออกดอกสะพรั่ง ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ถึงหนึ่งเดือน เช่นเดียวกันกับระยะเวลาการปรับตัวของเด็กๆ ในการเริ่มเข้าเรียนในโรงเรียนเลย ล่ะค่ะ
เอาล่ะ ระหว่างนี้ ก็มาปลูกคุณนายฆ่าเวลาก่อนไปรับลูกๆ ตอนบ่ายสามกันดีกว่าค่ะ
จะได้ไม่ต้องกังวลมากจนเกินไป ดีไหมคะ? 🙂
ดงดอกไม้ (คลังต้นไม้ออนไลน์)
สั่งซื้อต้นไม้ออนไลน์ จัดส่งถึงบ้าน ได้มาตรฐาน แนะนำเป็นกันเอง ติดต่อเรา ดงดอกไม้ (คลังต้นไม้ออนไลน์)
โทร : 085-905-8919